พอดีว่าผมกำลังจะทำระบบล๊อกอินในหน้าเว็บไซต์ให้เป็น 2 Step Verification แบบ Time-based One-time Password เลยต้องทำการกำหนดค่าเวลาบนเซิร์ฟเวอร์ให้ตรงกับ NTP Server เลยถือโอกาสเอามาเขียนเก็บไว้หน่อยเป็นบันทึกช่วยจำ โดยจะลองเปลี่ยนทั้งค่า Time Zone ลองตั้งค่าเวลาเอง และกำหนดให้เซิร์ฟเวอร์ใช้ค่าเวลาจาก NTP Server ส่วนเรื่องการทำ Time-based One-time Password ไว้คราวหน้าจะเขียนอีกรอบหนึ่ง
Mobile : 088-799-8421
Name : LookHin
E-mail : [email protected]
https://github.com/LookHin
https://www.facebook.com/LookHin
https://twitter.com/LookHin

หัวข้อนี้จะเป็นตัวอย่างการใช้ Raspberry Pi ต่อกับ USB Microphone เพื่อทำการบันทึกเสียง โดยไฟล์ที่บันทึกได้จะมีนามสกุลเป็น .wav และเราจะทำการแปลงเสียงเป็นฟอร์แมตต่างๆ โดยใช้ ffmpeg อีกทีนะครับ อย่างแรกก็ไปหาซื้อไมโคโฟนที่เป็นแบบ USB และทำการต่อสายต่างๆ ให้เรียบร้อย
ไม่ได้เขียนอะไรลงบล๊อคซะนานจนเกือบจะเป็นบ้านร้างไปอีกหละ วันนี้เรามาทดลองติดตั้ง OpenCV และ Node.js กันดูสักหน่อยหละกัน จริงๆก็ไม่ได้เชียวชาญอะไรหรอกนะครับ แต่พอดีมีงานเล็กๆ น้อยๆ ที่จำเป็นต้องใช้ก็เลยต้องหาข้อมูลมาทำ และเมื่อได้มาแล้วเราก็ต้องมาแบ่งปันประสบการณ์กันสักหน่อยเผื่อจะเป็นแนวทางให้คนอื่นเอาไปต่อยอดทำอะไรอย่างอื่นต่อได้ มาเริ่มกันเลยครับ ตัว OpenCV เป็นโปรแกรมที่เอาไว้ทำพวก Image Processing และ Computer Vision เอาง่ายๆก็คือเป็นโปรแกรมที่ใช้ประมวลผลภาพและเอาไว้ช่วยให้คอมพิวเตอร์มองเห็นภาพ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ว่าภาพนั้นคือภาพอะไร ซึ่งมันก็จะต้องมีในส่วนของการ training เพื่อให้ระบบมันรู้จักภาพต่างๆ แต่เราจะข้ามไปเลยนะครับ เดียวเราจะใช้แค่ค้นหาใบหน้าซึ่งเขาทำเตรียมมาให้เราอยู่แล้ว ส่วนตัว Node.js นี้ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี มันเป็นเหมือนสภาพแวดล้อมที่ใช้เขียนโปรแกรมด้วย JavaScript และใช้รันในฝั่งของ Server นะครับ ที่ผมเลือกใช้ตัวนี้เพราะเห็นตัวอย่างการใช้งาน OpenCV ของมันแล้วดูง่ายดี ไม่มีเหตุผลอื่น
วันนี้เรามาทำให้ Apache Web Server ของเราปลอดภัยมากขึ้นด้วยขั้นตอนง่ายๆ 8 ขั้นตอนกันครับ ถึงแม้จะไม่ได้ปลอดภัยขึ้นถึงระดับที่ไม่สามารถแฮกได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ผู้ที่จะโจมตีต้องทำการบ้านมากขึ้นนิดหนึ่ง โดยเราจะเน้นไปที่การปิด Error ต่างๆ ของระบบ และแถมท้ายด้วยการติดตั้ง ModSecurity ซึ่งเป็น Web Application Firewall (WAF) ที่จะช่วยป้องกันเว็บไซต์ของเราให้ปลอดภัยจากการโจมตีในแบบต่างๆ ได้มากขึ้น
วันนี้เราจะมาแนะนำการติดตั้ง FFmpeg เพื่อใช้สำหรับการแปลงไฟล์วิดีโอจากฟอร์แมตหนึ่งไปเป็นอีกฟอร์แมตหนึ่ง เช่นแปลงจาก .mov เป็น .flv เพื่อใช้สำหรับงานวิดีโอบนเว็บไซต์ โดยเจ้า
ลินุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการที่รองรับผู้ใช้งานได้หลายคนพร้อมๆ กัน โดยผู้ใช้งานแต่ละคนจะมีสิทธิ์ในการเข้าถึงและใช้งานไฟล์ที่แตกต่างกัน โดยผู้ใช้ที่ชื่อว่า root จะเป็นผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูงที่สุดในระบบ ซึ่งเราจะใช้ผู้ใช้ root ในการติดตั้งและคอนฟิกค่าต่างๆ ของระบบ และมีโฮมไดเร็กทอรีอยู่ที่ /root ซึ่งจะต่างจากผู้ใช้คนอื่นๆของระบบที่จะมีโฮมไดเร็กทอรีอยู่ที่ /home/username แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็สามารถเปลียนโฮมไดเร็กทอรีของผู้ใช้แต่ละคนให้ไปอยู่ในไดเร็กทอรีต่างๆ ได้ ซึ่งคำสั่งที่จะใช้ในการจัดการกับยูเซอร์ในระบบจะมีคำสั่งหลักคือ useradd, passwd, chage, usermod, userdel, groupadd, groupdel มาดูตัวอย่างการใช้งานคำสั่งแต่ละตัวกันต่อเลยครับ
บนระบบอินเตอร์เน็ทจะใช้หมายเลข IP Address ในการอ้างอิงไปถึงเครื่องต่างๆในระบบ ซึ่งคนเราจะจำตัวเลขพวกนั้นให้หมดก็คงเป็นไปไม่ได้ เราจึงต้องมี DNS (Domain Name Server) เพื่อเข้ามาทำการแปลงระหว่างชื่อโดเมนเนมไปเป็นไอพีแอดเดรส เช่นเวลาที่เราพิมพ์โดเมน www.unzeen.com เพื่อจะเข้าเว็บไซต์นี้ ตัว DNS ก็จะทำการแปลงไปเป็น 61.19.252.233 ให้อัตโนมัต ทำให้เราไม่ต้องจำตัวเลขยากๆ อีกต่อไป เริ่มติดตั้งกันเลยดีกว่า