การวัดระยะทางระหว่างโลก-ดวงจันทร์-ดวงอาทิตย์
อริสตาร์คัสแห่งซามอน (Aristarchus) นักคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ชาวกรีก (320-230 ปีก่อนคริสตกาล) อริสตาร์คัสเป็นคนแรกที่เสนอว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล และกลางวัน-กลางคืนเกิดจากโลกหมุนรอบตัวเอง อริสตาร์คัสวัดระยะระหว่างโลก-ดวงอาทิตย์-ดวงจันทร์ โดยใช้หลักการของตรีโกณมิติ อริสตาร์คัสใช้ช่วงเวลาที่มองเห็นดวงจันทร์ครึ่งดวงบนท้องฟ้าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โลก-ดวงจันทร์-ดวงอาทิตย์ทำมุมกัน 90 องศา (มุม a) จากนั้นต้องทำการวัดมุมระหว่างดวงจันทร์-โลก-ดวงอาทิตย์ (มุม b ส่วนมุม c ที่เหลือคำนวณได้จาก c=180-a-b) ซึ่งตอนนั้นอริสตาร์คัสวัด (มุม b) ได้ 87 องศา (ปัจจุบันวัดได้ 89.85 องศา ด้วยความไม่แม่นยำของเครื่องมือสมัยก่อนทำให้อริสตาร์คัสวัดผิดพลาดไป 2.85 องศา) อริสตาร์คัสคำนวณว่าระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ยาวเป็น 19 เท่าของระยะทางระหว่างโลกกับดวงจันทร์ ซึ่งจริงๆแล้วระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์จะเป็น 390 เท่าของระยะทางระหว่างโลกกับดวงจันทร์ ความคลาดเคลื่อนนี้ไม่ได้เกิดจากการคำนวณที่ผิดพลาด แต่เกิดจากความคลาดเคลื่อนของเครื่องมือวัดทำให้มุมที่ได้ขาดความเที่ยงตรง
Mobile : 088-799-8421
Name : LookHin
E-mail : [email protected]
https://github.com/LookHin
https://www.facebook.com/LookHin
https://twitter.com/LookHin

ณ ดินแดนอันสงบสุข มีนกตัวหนึ่งถูกเลี้ยงไว้ในกรงด้วยบุรุษผู้ใจดี เขาให้อาหารเมื่อมันต้องการ ให้ความอบอุ่นเมื่อมันหนาว เจ้านกถูกเลียงดูดูแลอย่างดี ไม่เคยมีอะไรที่มันอยากได้แล้วจะไม่ได้ บุรุษผู้เลียงนกตัวนี้บอกกับมันเสมอว่ามันเป็นนกที่โชคดีที่สุด มีเสรีภาพมากที่สุด ไม่มีนกตัวไหนในโลกที่จะโชคดีได้อย่างมันแล้ว
กรีกในสมัยโบราณอยู่ทางตะวันออกสุดยุโรปภาคใต้ ประกอบด้วยผืนแผ่นดินและดินแดนในหมูเกาะต่างๆ ในทะเลเอเจียน และฝั่งตะวันตกของเอเชียไมเนอร์ ซึ่งนิยมเรียกว่า “นครรัฐไอโอเนียน” ในบรรดานครรัฐต่างๆ ของกรีกต่างปกครองตัวเองอิสระแยกจากกัน ไม่เคยรวมตัวเป็นนครรัฐเดียวได้เลย ยกเว้นจะมีการรวมตัวกันบ้างเมื่อเกิดสงครามกับต่างชาติ โดยนครรัฐเหล่านั้นจะรวมตัวกันเป็นสหพันธรัฐ (Federation) แต่เมื่อสงครามสงบลงนครรัฐต่างๆ ก็แข่งขันกันเองและทำสงครามกันเองอยู่บ่อยครั้ง
สมัยเด็กๆเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งเวลาที่มีใครอ้างว่าของมันเก่าแก่มากก็มักจะบอกว่า “มีมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหานู้น” แต่ทุกวันนี้ไม่ค่อยได้ยินแล้ว จริงๆก็แอบสงสัยอยู่นานว่าพระเจ้าเหานี้เป็นใครมาจากไหน เคยอ่านเจอในหนังสือของ จิตร ภูมิศักดิ์ หรือของใครสักคนไม่แน่ใจผมจำไม่ได้ แต่น่าจะเป็นของจิตรนั้นแหละ ในเล่มไหนสักเล่มมีพูดถึงเรื่องตึกพระเจ้าเหาที่ลพบุรีว่า คำว่า เหา มาจากภาษาเขมร ที่แปลว่า เรียก ฉะนั้นตึกพระเจ้าเหาก็จะหมายถึงตึกที่พระเจ้าแผ่นดินเรียก จะเรียกมาทำไมไม่รู้แหละแต่เรียกมาก็แล้วกัน อันที่จริงผมเห็นด้วยกับคำอธิบายนี้นะ ผมคิดเอาเองว่าในสมัยก่อนในราชสำนักคงจะใช้ภาษาขอมหรือเขมรในการพูดจากันเป็นปกติ แต่อยู่ๆจะมาเชื่อง่ายๆว่ามีความหมายแบบนี้ โดยไม่หาข้อมูลอื่นมาประกอบมันก็ยังไงอยู่ และเท่าที่ค้นหาดูตอนนี้ก็พบว่ามีคนให้ความหมายของคำว่า พระเจ้าเหา อยู่ 4 อย่างด้วยกัน คือ
ในสมัยแต่ก่อนการเรียนภาษาไทย เด็กจำเป็นที่จะต้องท่องจำพยัญชนะให้ได้ทั้ง 44 ตัว โดยท่องเป็น กอ ขอ คอ น่าจะคล้ายๆกับการท่อง เอ บี ซี แต่ด้วยพยัญชนะที่พ้องเสียงในภาษาไทยมีหลายตัวมาก ทำให้เป็นไปได้ยากที่จะทำให้เด็กจำได้อย่างรวดเร็ว จึงได้มีผู้คิดชื่อหรือตัวอย่างในการใช้พยัญชนะแต่ละตัวขึ้นมา เพื่อจะได้ท่วงจำได้ง่ายๆ แล้วเราก็ท่องจนติดปากกันมาว่า ก ไก่ ข ไข่ แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าใครกันแน่ที่คิดคนแรก แต่เราจะมาไล่ดูตามหลักฐานที่พอจะมีในปัจจุบัน
เมื่อประมาณ 1,500-3,000 ปีก่อนคริสตกาล ชนชาติอารยัน (Aryan) ผู้สืบเชื้อสายมาจากพวกอินโด-ยูโรเปียน (Indo-European) ซึ่งเคยอาศัยอยู่ทางตอนกลางของทวีปเอเซีย บริเวณทะเลสาบแคสเปี่ยนและทะเลดำ ได้อพยพเคลื่อนย้ายออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ
สงครามครูเสดคือสงครามระหว่างศาสนา ซึ่งอาจหมายถึงสงครามระหว่างชาวคริสต์ต่างนิกาย หรือระหว่างชาวคริสต์กับผู้นับถือศาสนาอื่นก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่หมายถึงสงครามระหว่างชาวมุสลิมกับชาวคริสต์ ที่เกิดขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 ถึง 13 ครูเสดแปลว่า ติดด้วยเครื่องหมายกางเขน ซึ่งจะมีอัศวินและนักรบจากทั่วทั้งยุโรปเป็นกำลังรบสำคัญ โดยผมเคยเขียนเรื่อง