ปกติแล้วถ้าเราจะทำให้เว็บของเราเข้าผ่าน HTTPS ได้เนีย เราก็ต้องเสียเงินซื้อ Certificate ซึ่งก็มีราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น แต่เท่าที่ผมลองมาก็มีของ http://rapidssl.com/ ที่ราคาถูกหน่อยประมาณ 500 กว่าบาทต่อปี แต่ถ้าไม่อยากจ่ายเงินเลยตอนนี้ก็มี Let’s Encrypt https://letsencrypt.org/ ที่มาช่วยเราประหยัดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ ซึ่งก็มีวิธีติดตั้งง่ายมากๆ ง่ายกว่าแบบเสียเงินซะอีก แต่ว่า certificate ที่ได้มาจะมีอายุแค่ 90 วัน พอหมดอายุแล้วเราก็ต้องกลับไปต่อใหม่ ซึ่งผมก็คิดว่าไม่น่าใช่ปัญหา ลองติดตั้งกันเลยดีกว่า ใช้แค่ 3 ขั้นตอนก็เสร็จ เริ่มเลย..
Mobile : 088-799-8421
Name : LookHin
E-mail : [email protected]
https://github.com/LookHin
https://www.facebook.com/LookHin
https://twitter.com/LookHin

ก่อนหน้านี้เวลาจะดู Network Traffic หรือ stats ต่างๆ ของระบบผมก็ใช้แต่ MRTG เป็นหลัก ใช้มาหลายปีไม่เคยลองใช้ตัวอื่นดูเลย เห็นใครๆ ก็ว่าเจ้า Cacti นี้มันเจ๋งก็อยากลองบ้าง ส่วนตัวเป็นคนขี้ลืมมาก เวลาทำอะไรเสร็จก็ต้องเขียนไว้หน่อยเผื่อต้องทำอีกวันหลังจะได้ไม่ต้องหาอีก ในการติดตั้ง Cacti เราต้องมี Apache และ MySQL ซึ่งหากยังไม่ได้ทำการติดตั้งให้ทำการติดตั้งตามบทความก่อนหน้านี้ก่อนนะครับ
ปกติแล้วเวลาที่เราจะทำการ remote login เข้าระบบที่เป็น Linux Server เราก็จะใช้ Username และ Password ในการ SSH เข้าไป แต่การใช้ username password ก็อาจจะไม่ปลอดภัยเพราะแฮกเกอร์อาจจะโจมตีแบบ Brute Force เพื่อเดารหัสผ่านเข้ามาได้ ถึงแม้เราจะใช้ fail2ban เพื่อป้องกันการโจมตีลักษณะนี้ได้ แต่ถ้ารหัสผ่านไม่แข็งแกรงพอก็มีความเป็นไปได้ที่แฮกเกอร์จะใช้พรอกซีและแฮกเข้ามาได้ หรือในกรณีที่แย่ที่สุดที่ผมเคยเจอคือผู้ดูแลระบบตั้งรหัสผ่านของอีเมล,ดาตาเบส,ssh เป็นรหัสเดียวกัน และเราหาช่องโหว่เพื่อแฮกไปอ่านค่าคอนฟิกของเว็บนั้นได้ว่าใช้รหัสผ่านดาตาเบสอะไรเราก็มีโอกาสที่จะ ssh เข้าไปควบคุมเซิฟเวอร์ได้ทั้งเครื่อง ส่วน SSH Key จะใช้การจับคู่กันระหว่าง private key และ public key ซึ่งยาว 2048 หรือ 4096 bit ทำให้เป็นไปได้ยากที่แฮกเกอร์จะรู้คีย์นี้ (ยกเว้นว่าเครื่องเราจะโดนขโมย) โดยในตัวอย่างนี้ผมจะใช้ putty ในการสร้างคีย์ และเมื่อเราล็อกอินด้วย SSH key ได้แล้วเราจะทำการปิดการล็อกอินด้วยรหัสผ่านไปเลย
วันนี้มาลองสร้าง Droplet บน DigitalOcean กันครับ หลังจากสร้างแล้วเราจะติดต้ัง Apache, PHP, MySQL, ProFTPD, Firewall เพื่อใช้งานเป็น Web Server ด้วย, เจ้า Droplet ที่ว่ามันก็คือ Virtual Servers นี่หละครับ บน DigitalOcean เขาเรียก Droplet ซึ่งในบทความนี้ผมจะเลือกใช้ Image ที่เป็น Debian 8.1 x64 นะครับ ส่วนโปรแกรมอื่นๆที่เราจะใช้เดียวเราจะลงเองภายหลัง
ผมเคยเขียนวิธีติดตั้งและใช้งาน Tor บน windows ไปแล้ว วันนี้มาดูการติดตั้งและใช้งาน Tor บน Linux กันบ้างครับ และเหมือนเดิมในตัวอย่างผมจะใช้ Linux Mint โดยเราจะติดตั้ง Vidalia ซึ่งจะทำให้เราจัดการกับ Tor ได้ง่ายขึ้น ผ่านโปรแกรมที่เป็นกราฟฟิก ไม่ต้องไปแก้ไขไฟล์คอนฟิกอะไรให้ยุ่งยาก
จากครั้งที่แล้วที่เราได้ทำการแก้ไขหน้า GRUB Boot Loader จะเห็นว่าแก้ไขอะไรได้ไม่มาก วันนี้เราจะมาลองใช้โปรแกรมอีกตัวหนึ่งคือ Burg Boot Loader ซึ่งจะช่วยให้หน้าจอ Boot Loader ที่ใช้ในการเลือกเข้า OS ต่างๆ ในเครื่องของเราดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยในตัวอย่างนี้ผมจะทำการติดตั้งบน Linux Mint 17.1 คิดว่าถ้าเป็น Debian หรือ Ubuntu ก็น่าจะติดตั้งแบบเดียวกันทั้งหมด
wget เป็นคำสั่งที่ใช้ในการดาวน์โหลดไฟล์ที่นิยมใช้กันบน Linux ซึ่งปกติเราก็จะใช้ในการดาวน์โหลดไฟล์ซอสโค้ดหรือไฟล์โปรแกรมต่างๆ แต่ว่า wget ไม่ได้มีความสามารถแค่นั้น เรายังสามารถสั่งให้โหลดเฉพาะไฟล์ .pdf หรือไฟล์นามสกุลอื่นๆ จากทั้งเว็บไซต์มาเก็บไว้ที่เครื่องเราได้ หรือจะทำสำเนาทั้งเว็บไซต์ลงมาเก็บไว้เลยก็ยังได้ เดียวใช้งานยังไงมาดูกัน