หัวข้อนี้รวบรวมหลายๆเรื่องที่เคยเขียนลงใน facebook.com/LookHin ของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกียวกับ ตำนาน/ประวัติศาสตร์ และหัวข้อทางศาสนา ซึ่งประกอบไปด้วย อัสสัมชัญ (Assumption) , ทำไม..ศาสนา..ข้าสงสัย , ปรมาจารย์ตั๊กม้อ , อัศวินแห่งกองทัพพระคริสต์ , พระเจ้าจันทรภาณุ คือ จตุคามรามเทพ , กฏหมายฉบับแรกของโลก , ท้าวฮุ่งท้าวเจือง -> ลิลิตพระลอ
1. ปรมาจารย์ตั๊กม้อ
ใครดูหนังจีนกำลังภายในบ่อยๆ จะคุ้นชื่อเสียงเรียงนามของปรมาจารย์ท่านนี้เป็นอย่างดี ปรมาจารย์ตั๊กม้อ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “พระโพธิธรรม” เป็นพระในพุทธศาสนา นิกายมหายาน เป็นผู้สร้างวัดเส้าหลินและเผยแพร่กังฟูให้แก่พระในวัด
ว่ากันว่าท่านเกิดประมาณ พ.ศ. 520 โอรสของกษัตริย์แคว้นคันธารราช ท่านเป็นผู้ที่มีความปราดเปรื่องแตกฉานในทุกศาตร์ เมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์ท่านก็ได้ออกบวช และได้เป็นพระสังฆปรินายกองค์ที่ 28 (น่าจะเทียบได้กับพระสันตปาปาของ คริสต์ศาสนา โรมันคาทอลิก) ซึ่งสืบทอดมาจากพระมหากัสสปตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล เมื่อรับตำแหน่งพระสังฆปรินายกแล้วท่านก็ได้จารึกไปยังจีนเพื่อเผยแพร่พระศาสนา
-ข้อสังเกต:
ผู้ที่รับสืบทอดตำแหน่งพระสังฆปรินายก จะได้รับของที่สืบทอดกันมา 2 อย่างคือ ผ้ากาสาวพัสตร์ และ บาตร โดยผ้ากาสาวพัสตร์ และ บาตร ที่ใช้ในการสืบทอดตำแหน่งพระสังฆปรินายกเป็นของพระพุทธเจ้า โดยพระมหากัสสปถือเป็นพระสังฆปรินายกองค์แรก
ของสืบทอดตำแหน่งทั้งสองอย่างคือ ผ้ากาสาวพัสตร์ และ บาตร ได้สูญหายไปในสมัยของ “ท่านเว่ยหล่าง” ซึ่งเป็นผู้รับตำแหน่งพระสังฆปรินายกองค์ที่ 6 (จีนนับตำแหน่งพระสังฆปรินายกของปรมาจารย์ตั๊กม้อเป็นองค์ที่ 1 ไม่ได้นับต่อเนื่องจากทางอินเดียแต่อย่างใด)
ปล. รอบหน้ามาดูประวัติของท่านเว่ยหล่าง มาดูซิว่าผ้ากาสาวพัสตร์กับบาตรนั้นหายไปได้ยังไง
2. อัศวินแห่งกองทัพพระคริสต์
– อัศวินผู้อภิบาล (Knights Hospitaller) เกิดขึ้นในเยรูซาเลม ปี ค.ศ. 1110 จุดมุงหมายแรกของการก่อตั้ง คือต้องการให้ความช่วยเหลือคริสต์ศาสนิกชนผู้เจ็บป่วยและบาดเจ็บที่เดินทางไปแสวงบุญในเยรูซาเลม อัศวินเหล่านี้จะกระจายตัวคอยดูแลผู้แสวงบุญตลอดเส้นทางการเดินทาง
สัญลักษณ์ : สวมผ้าคลุมมีรูปกางเขนสีขาวบนพื้นดำ
– อัศวินเทมพลาร์ (Knights Templars) เป็นอัศวินกลุ่มใหญ่สุดและทรงอิทธิพลมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1118 เพื่อปกป้องผู้เดินทางไปแสวงบุญเช่นกัน แต่กับกลุ่มนี้มีเรื่องราวลึกลับและถูกวิจารณ์เรื่องผลประโยชน์แอบแฝงอยู่มากมาย เช่นหากว่าใครต้องการจะเข้ากลุ่มจะต้องทำการบริจาคทรัพย์สมบัติทั้งหมด และเนื่องจากอัศวินกลุ่มนี้มีฐานที่ตั้งอยู่ที่วิหารแห่งโซโลมอน ทำให้มีเรื่องเล่าว่าพวกเขาได้เก็บรักษา หีบแห่งพระบัญญัติ ซึงเป็นหีบศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุบัญญัติ 10 ประการ ที่โมเสสได้รับจากพระผู้เป็นเจ้า
สัญลักษณ์ : สวมผ้าคลุมสีขาวมีรูปกางเขนสีแดง
– อัศวินติวตัน (Teutonic Knights) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1190 โดยกลุ่มขุนนางชาวเยอรมันที่ต้องการสร้างกองทัพศาสนาของตัวเอง กลุ่มอัศวินติวตันนอกจากจะปกป้องผู้เดินทางไปแสวงบุญแล้ว ยังทำหน้าที่เผยแพร่คริสศาสนาด้วย
สัญลักษณ์ : สวมผ้าคลุมสีขาวมีรูปกางเขนสีดำ
3. พระเจ้าจันทรภาณุ คือ จตุคามรามเทพ
ตำนานเมืองนครศรีธรรมราชกล่าวว่า พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช พระเจ้าจันทรภาณุ พระเจ้าพงษาสุระ 3 พี่น้องได้ขี่ช้างดั้นด้นหนี้ไข้ห่ามาจากนครอินทปัตถ์ (นครธม กัมพูชา) มาตั้งอาณาจักรนครศรีธรรมราชหรืออาณาจักรตามพรลิงค์ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชนับเป็นปฐมกษัตริย์ เมื่อพระเจ้าศรีธรรมโศกราช พระเชษฐาสวรรคต พระเจ้าจันทรภาณุก็ได้ขึ้นเสวยราชย์สมบัติแทน ซึ่ง พระเจ้าจันทรภาณุ ถูกเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า จตุคามรามเทพ เมืองนครศรีธรรมราชมีอาณาเขตกว้างขวาง โดยมีเมืองขึ้นโดยรอบทั้งหมด 12 เมือง ซึ่งกำหนดให้แต่ละเมืองใช้ภาพนักษัตรเป็นตราประจำเมืองนั้นๆ ซึ่งประกอบไปด้วย
1. เมืองสายบุรี ใช้ตราหนู (ชวด)
2. เมืองปัตตานี (ลังกาสุกะ) ใช้ตราวัว (ฉลู)
3. เมืองกลันตัน ใช้ตราเสือ (ขาล)
4. เมืองปะหัง ใช้ตรากระตาย (เถอะ)
5. เมืองไทรบุรี ใช้ตรางูใหญ่ (มะโรง)
6. เมืองพัทลุง ใช้ตรางูเล็ก (มะเส็ง)
7. เมืองตรัง ใช้ตราม้า (มะเมีย)
8. เมืองชุมพร ใช้ตราแพะ (มะแม)
9. เมืองบันไทสมอ ใช้ตราลิง (วอก)
10. เมืองสงขลา (สะอุเลา) ใช้ตราไก่ (ระกา)
11. เมืองตะกั่วป่า ใช้ตราหมา (จอ)
12. เมืองกระบุรี ใช้ตราหมู (กุน)
//ปัจจุบันตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชก็มีภาพนักษัตรทั้่ง 12 อยู่ด้วย
4. กฏหมายฉบับแรกของโลก
กฏหมายฮัมมูราบีถือเป็นกฏหมายฉบับแรกของโลก ถูกเขียนขึ้นในสมัยของกษัตริย์ฮัมมูราบี แห่งบาบิโลน ประมาณ 1729 – 1750 ปีก่อนคริสตกาล จารึกด้วยอักษรคูนิฟอร์ม สลักบนแท่งหินสีดำ ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Lourve ประเทศฝรังเศษ
กฏหมายระบุถึงเรื่องการสมรส หย่าราง มรดก สิทธิสตรี และการเลียงดูทาส โดยบทลงโทษต่างๆถือว่ารุนแรง ลักษณะตาต่อตาฟันต่อฟัน และกล่าวถึงวิธีทำสัญญาต่างๆ ด้วย
ตัวอย่างของกฏหมายฮัมมูราบี
1. การให้ความยุติธรรมต้องเป็นหน้าที่ของรัฐ
2. สตรีสามารถฟ้องสามีได้ (ถือว่าทันสมัยมากในยุคที่ผู้หญิงถูกจำกัดสิทธิ์)
3. การค้าขายต้องได้รับอนุญาตจากรัฐ และมีกำไรไม่เกิน 20%
4. กำหนดระยะเวลาการเป็นทาสเพียง 3 ปี (เข้าใจว่าเป็นการตกเป็นทาสจากการกู้ยืมเงิน)
ซึ่งต่อมาโรมันได้รับไปพัฒนาต่อและเป็นแบบอย่างของกฏหมายสมัยใหม่ในเวลาต่อมา
5. ท้าวฮุ่งท้าวเจือง -> ลิลิตพระลอ //วรรณคดีสองเรื่องนี้เกียวเนื่องกัน
เรื่องเริ่มเมื่อปี พ.ศ. 1617 ท้าวฮุ่ง (หรือท้าวเจืองคนๆเดียวกันแต่เรียกเป็นสองชื่อ) มีเชื้อสาย ลวะจังกราช ปฐมกษัตร์ย์ แห่งราชวงศ์เม็งราย ท้าวฮุ่งเป็นเจ้าครองเมืองพะเยาครอบครองดินแดนฝังตะวันตกของแม่น้ำโขง และได้ขยายอำนาจไปทางฝังตะวันออก ซึงเป็นเขตแดนของแถน มี แถนลอ ครอบครองอยู่ ซึงต่อมาท้าวฮุ่งถูกฝ่ายแถนฆ่าตายขาดคอช้างในสนามรบ
เชื่อสายท้าวฮุ่งสืบมาถึงพระพิษณุกรผู้ครองเมืองสรวง มีลูกสาวสองคนชื่อ พระเพื่อน พระแพง ส่วนฝังแถนลอสืบเชื้อสายมาถึงท้าวแมนสรวง มีลูกชายชื่อ พระลอ และพระลอก็ได้ไปหลงรักกับพระเพื่อนและพระแพง
6. อัสสัมชัญ (Assumption)
อัสสัมชัญ (Assumption) เป็นนิกายย่อยของศาสนจักรโรมันคาทอลิก (ใครไม่นับเป็นนิกายย่อยก็ช่าง แต่ผมนับ) สอนให้นับถือพระแม่มารีย์ คตินี้เริ่มเมื่อศตวรรษที่ 4 แห่งคริสต์ศักราช โดยศาสนาจารย์ชื่อ “เอส เอปิฟาอุส”
อัสสัมชัญของพระแม่มารี (Assumption of Mary) หมายถึงการอัญเชิญสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของพระแม่มารีย์ ความเชื่อตามพระคัมภีร์กล่าวว่า พระแม่มารีย์ได้สิ้นพระชนม์ลง และบรรดาอัครสาวกได้ฝังพระศพไว้ในคูหาแห่งหนึ่ง แต่อัครสาวกได้กลับไปดูพระศพอีกครั้งก็พบว่าคูหาว่างเปล่าเหมือนคูหาของพระเยซู จึงเชื่อกันว่าพระนางได้รับการอัญเชิญสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
นิกายอัสสัมชัญ มีพิธีสำคัญอย่างหนึ่งเรียกว่า Feast of Assumption เป็นการบูชาวิญญานของพระแม่มารีย์ผู้บริสุทธิ์ ทำขึ้นในวันที่ 15 สิงหาคม ของทุกปี
7. ทำไม..ศาสนา..ข้าสงสัย
ว่าด้วยศาสนาหลักๆ 3 ศาสนาเท่านั้น (พุทธ,คริสต์,อิสลาม)
ทำไมต้องมีเรื่องปาฏิหาริย์
ทำไมต้องมีเรื่องอดีตว่าเคยเป็นแบบนั้น
ทำไมต้องมีเรื่องอนาคตว่าจะเป็นแบบนี้
ทำไมต้องมีเรื่องหลังความตาย
ทำไมต้องมีกฏบัญญัติให้ปฏิบัติ