ระบบปฏิบัติการที่ใช้บน Raspberry Pi มีให้เลือกเล่นได้หลายตัวเช่น Raspbian, Pidora, Arch, RISC OS, RaspBMC, OpenELEC ซี่งทั้งหมดที่ว่ามามันก็คือ Linux ที่ถูกดัดแปลงให้ทำงานบน Raspberry Pi ได้นั้นแหละครับ และทั้งหมดสามารถหาดาวโหลดได้ที่ http://www.raspberrypi.org/downloads โดยเจ้า Raspbian นี้ก็ถูกดัดแปลงมาจาก Debian ส่วนเจ้า Pidora ก็ถูกดัดแปลงมาจาก Fedora ใครชอบสาย Debian ก็เลือก Raspbian ใครชอบ Redhat ก็เลือก Pidora ว่างั้น ส่วนตัวอื่นผมก็ไม่รู้จักเหมือนกัน ใครลองตัวไหนเป็นยังไงกลับมาเล่าให้ฟังด้วยก็ดีครับ
วันนี้เรามาทดลองเขียน Image File ของเจ้าตัว Raspbian โดยเราจะเขียน Image File ตัวนี้ลง SD-Card ขนาดอย่างต่ำก็ 2GB แต่ถ้าได้ 4GB ยิ่งดี แต่ของผม 32GB ^^
แรกเริ่มให้เข้าไปที่ http://www.raspberrypi.org/downloads จากนั้นทำการดาวโหลด Raspbian Image ขณะที่ผมเขียนจะเป็นไฟล์นี้นะครับ 2013-07-26-wheezy-raspbian.zip เมื่อดาวโหลดมาแล้วก็ทำการ unzip ให้เรียบร้อย ซึ่งจะได้ไฟล์ .img มา 1 ไฟล์ คือ 2013-07-26-wheezy-raspbian.img
จากนั้นทำการดาวโหลด Win32DiskImager ซึ่งเป็น Tool ที่ใช้เขียน Image File ลง USB Thumb Drive หรือ SD-Card ไปหาดาวโหลดได้จาก http://sourceforge.net/projects/win32diskimager/ ซึ่งเมื่อได้มาแล้วก็ unzip ให้เรียบร้อย
ทำการเปิดโปรแกรม Win32DiskImager และเลือก Image File ไปยัง 2013-07-26-wheezy-raspbian.img ที่เราได้เตรียมเอาไว้ และกำหนด Device เป็น Drive ของ SD-Card ที่เราจะใช้งาน และคลิก Write เพื่อทำการ Write Image File ไปยัง SD-Card เมื่อเสร็จแล้วให้ถอด SD-Card ไปเสียบที่ Raspberry Pi ได้เลย
เมื่อเปิด Raspberry Pi ขึ้นมาและทำการ Login เรียบร้อยแล้ว ให้สั่ง df -h เพื่อดูขนาดของ SD-Card ว่ามีพื้นที่ที่ใช้งานจริงได้เท่าไร จากตัวอย่างจะเห็นว่าพื้นที่ที่เรามีตอนนี้มีแค่ 1.8GB (หายไปไหนตั้งเยอะ SD-Card ของผม 32GB นะครับ)
จากนั้นสั่ง sudo raspi-config และเลือกที่ Expand Filesystem เพื่อขยายขนาดของ Filesystem
เมื่อเสร็จแล้วระบบจะแจ้งว่าเปิดมาคราวหน้าใหญ่แน่นอน ให้กด Enter ผ่านไป และเมื่อกลับมาที่หน้าหลักให้เลือกไปที่ Finish ซึ่งระบบก็จะ Reboot ให้ทันที
หลังจาก Restart กลับมาแล้ว ลองสั่ง df -h อีกรอบ จะเห็นว่าพื้นที่ SD-Card ของเราเพิ่มขึ้นเต็มพื้นที่จริงที่มีอยู่แล้ว
Update 2014-05-31
ถ้าหากเรียกคำสั่ง raspi-config แล้วขึ้น command not found ให้ทำการติดตั้ง raspi-config ด้วยคำสั่งต่อไปนี้ครับ
1 2 | sudo apt-get update sudo apt-get install raspi-config |